น่าสนใจ

AURA ของคุณสีอะไร ?

ว่างๆ จากการงานประจำวันลองล่นดูกันนะเพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน

EX :: เราเกิดวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1980 ::


1) นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 4 + 11 + 1980 = 1995

2) แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง จะได้เป็น 1 + 9 + 9 + 5 = 24

3) แยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลข 1 ตัวจะได้เป็น 2 + 4 = 6


เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล้ว
ขอให้ดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐาน สีอะไรมีความหมายว่าอย่างไร?

แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก เพราะเป็นพวกพิเศษกว่าพวกอื่น..


เลข 1: สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ

พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์ สามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำแต่อย่าให้ถึงกับว่า คุณวิ่งไม่เร็ว แต่คุณสร้างโครงการท้าทายความสามารถ โดยฝันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม
ข้อเสีย
มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด

เลข 2: สีส้ม/แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี

คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ
ข้อเสีย
ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ

3. สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด

คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่ายปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว
ข้อเสีย
จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง

4. สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค (สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค)

คุณเป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้
ข้อเสีย
ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

5. สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง

คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆไปบ้างแต่ยังยิ้มสู้เสมอ แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอทำให้กระชุ่มกระชวยดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย

6. สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง

คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว
ข้อเสีย
ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

7. สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ

คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตรลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้
ข้อเสีย
มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป

8. สีชมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ

คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้นรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสำเร็จ อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตา ขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก
ข้อเสีย
มุงานมากเกินไปจนเครียด ควรหางานอดิเรกคลายเครียด

9. สีทองเหลือง ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์

คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมี ความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี
ข้อเสีย
ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ

คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว
ข้อเสีย
ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ

22. สีทอง ศักยภาพ : ไม่มีขอบเขตจำกัด

คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

แม่นจริงๆ นะ ขอบอก

มาดูเนื้อคู่จากเดือนเกิด...ว่าแท้จริงนั้นเป็นคนอย่างไร แล้วนิสัยเขากับคุณจะเข้ากันได้แค่ไหนกัน

มกราคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้ชอบชีวิตที่เรียบง่ายสุขสงบ ไม่ค่อยชอบเฮฮาปาร์ตี้ กับใครง่ายๆ เลือกที่จะคบหาคนอย่างพิถีพิถัน แต่ก็ชอบให้คนอื่นนิยมยกย่องเหมือนกัน มีความรู้ ความสามารถดี แต่ตัดสินใจไม่เฉียบขาดนัก ส่วนมากเป็นคนมีเสน่ห์ อารมณ์อ่อนไหว จิตใจเอื้ออารี

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ถ้าได้คนผิวนวล หรือผิว 2 สีก็ได้จะถือว่าดีเยี่ยม ไม่ผอม บางเกินไป และควรมีอารมณ์ขัน ไม่มุทะลุเคร่งเครียด โรแมนติกบ้าง เป็นนักคิด นักวางแผน หาทางรุ่งโรจน์ เป็นที่ปรึกษาที่ดี อารมณ์ดี ไม่ถือสาจุดเสียเล็กน้อยอื่นๆ ของคนอื่น นี่คือลักษณะที่จะอยู่กับคนเดือนนี้ ได้มีความสุข สดชื่น ยั่งยืนนาน

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักจะได้คู่ที่ดี มีความรักใคร่กัน ครอบครัวไม่ทุกข์ยาก ถ้ามีลูกคนแรกเป็นผู้ชายจะยอดเยี่ยมที่สุด

กุมภาพันธ์

ผู้ที่เกิดเดือนนี้เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ชอบช่วยเหลือคนอื่น แบบใจนักเลง นิยมเรื่องตื่นเต้น แปลกใหม่ไม่ค่อยกลัวใคร มีเพื่อนมาก พอๆกับมีคนคิดร้าย ดวงพลิกผันบ่อย เดี๋ยวรุ่ง เดี๋ยวร่วงได้ ถ้าไม่ระมัดระวัง

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ถ้าเป็นคู่เทียม ก็จะทิ้งกันได้ในยามมีปัญหา คู่แท้จึงมีลักษณะเป็นเพื่อนตายที่มีความซื่อตรงต่อกันอย่างแท้จริง คอยตักเตือน ไม่ให้ถูกล่อลวงได้ง่าย และต้องทำใจได้ กับนิสัยที่ชอบท้าทายของคนเกิดเดือน! นี้

เนื้อคู่มักมีลักษณะสง่างามกว่าคนเดือนสาม คิ้วเข้ม ตาคม มีบุคลิกน่านับถือ ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่มีเกียรติ มีทรัพย์ จึงอาจถูกคู่ข่มบ้าง ถ้ามีลูกสาวก่อน จะถือว่าดีมาก


มีนาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้ถ้ามุ่งมั่นพากเพียรสูง ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงทีเดียว แต่มักจะวางมือได้ง่าย จากสิ่งที่คิด และทำไว้ เป็นคนใจอ่อน ไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่มักถูกพิษภัย จากคนอื่นง่าย เพราะชอบคนมาป้อยอเอาใจ

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ จะมีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย หุ่นกำลังดี พูดจาคารมเหลือร้าย มีความรู้ความสามารถ และชอบชีวิตสุขสงบ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินตัว ถ้ารู้จักเข้าใจ นิสัยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ของคนเดือนนี้ได้ ก็จะอยู่กันยั่งยืนค่ะ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ต้องได้คู่ที่ช่วยงานกันได้ ถ้ามีลูกคนแรก เป็นลูกสาวจะไม่! ค่อย ได้ดั่งใจนัก

เมษายน

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักเป็นคนจิตใจดี แต่พูดจาออกไปไม่ดีนัก แต่ก็มีคนชื่นชม เอ็นดูพอควร ไม่นิยมเรื่องจุกจิกน่ารำคาญใจ ดวงชะตามีหนทางรุ่งเรือง มีชื่อเสียง ถ้าไม่วู่วาม ทำเรื่องเสีย ก็จะได้ดีแน่

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ควรมีผิวขาวหรือผิวเดียวกัน รูปร่างล่ำสัน หรือสูงกำลังดี หน้ากลมอิ่มเอิบ สุขุมรอบคอบ และมีวาทศิลป์ ช่วยเหลือให้กำลังใจ หรือคำปรึกษาที่ดีได้ เป็นคนขยัน และปราดเปรียวก็ยิ่งดีค่ะ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ถ้าได้คู่ที่เด่นกว่า ในด้านใดด้านหนึ่ง ถือว่าเยี่ยมมาก ถ้าได้ลูกสาวคนแรกจะมีวาสนาดีค่ะ

พฤษภาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้เป็นผู้มีชะตาราบเรียบ ไม่โลดโผนตื่นเต้น แต่ก็ไม่ต้องเจ็บตัว เจ็บใจง่ายๆ เพราะชอบความมั่นคง สบายๆ ไม่ต้องเสี่ยง เป็นตามมากกว่า เป็นผู้นำ ไม่ค่อยคิดเริ่มต้นสร้างสรรค์ แต่ก็รักครอบครัว และละเอียดรอบคอบเสมอ

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ เป็นคนรูปร่างกำลังดี ดวงตาสดใสน่ามอง คิ้วสวยได้รูป เป็นคนชอบทำบุญ มีลักษณะของผู้ใหญ่ หรือผู้ดี รู้จักกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ผู้ที่เกิดเดือนนี้ถ้าคู่มีกำลังช่วยเสริม จะยิ่งทำให้รุ่งเรือง ลูกคนแรกหากเป็นผู้ชายถือว่าจะนำเกียรติมาสู่วงศ์ตระกูลในวันหน้า

มิถุนายน

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มี 2 ชะตา ถ้าไม่ใช่คนคุยเก่ง ชอบสังคม ก็จะเป็นคนเงียบขรึมไปเลย แต่ส่วนมาก จะมีความสามารถนำตัวเองให้ก้าวถึงจุดฝันได้ ถ้าไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่จิตใจอ่อนไหว แบบรักง่าย ตัดง่าย

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ มีลักษณะเพรียวบาง ใบหน้าเรียวสวย มีความคิดอ่านลึกซึ้ง รู้จักพูดจาดี และถ้ารู้จักอดทน ก็จะอยู่กันยืด เพราะทั้งคู่อาจจะไม่ได้อยู่ชิดใกล้หวานชื่นกันนัก ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ซื่อสัตย์ ลูกคนแรกเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าได้ลูกสาว ก็ไม่มีผลร้าย

กรกฎาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้เป็นคนปากร้ายใจดี คือยามตำหนิติเตียนใครก็ทำด้วยใจหวังดี แต่คนอื่นจะไม่ชอบ สำหรับการพูดจาโดยทั่วไปแล้วพูดไพเราะ มักถูกคนเอาเปรียบได้ จึงไม่ควรวุ่นวายกับใครมากนัก ต้องเลือกคบคนที่จริงใจมากๆ ต่อตนเอง

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้มักมีวัยที่แก่กว่าหรืออ่อนกว่า รูปร่างสูง แต่ก็มีเรื่องไม่เข้าใจกันเสมอ เพราะไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน หากแก้จุดนี้ได้จะเป็นคู่ชีวิตที่อบอุ่นและรุ่งเรืองได้ดีที่สุด คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ดวงตาสวย ถ้ามีลูกสาวก่อนลูกชาย จะมีเรื่องยุ่งยากใจ

สิงหาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักมีคนรักใครชื่นชม เป็นผู้นำที่ดีได้ และก็ชอบสร้างเกียรติ สร้างชื่อ ให้คนยอมรับมากกว่า จะคิดแต่เรื่องร่ำรวย เป็นคนอารมณ์ละเมียด เก่งเชิงศิลปะ จิตใจโอบอ้อม อารี ต่อคนรอบข้าง

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้อาจเป็นคนต่างชาติหรือลูกครึ่ง จิตใจทิฐิ ดื้อดึง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าอารมณ์เสีย จะปากร้าย แต่ก็ขยันหมั่นเพียร หวังก้าวหน้า ก้าวไกลร่วมกับคนเดือนนี้ คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า ลูกคนแรกจะดีมากถ้าเป็นชาย

กันยายน


ผู้ที่เกิดเดือนนี้มีเสน่ห์มัดใจคนด้วยคำพูด เป็นผู้มีรสนิยมดี ช่างคิดช่างไตร่ตรอง จิตใจอ่อนโยนต่อคนทั่วไป แต่ก็มีศัตรู คนเดือนเก้าสุขุม ในเรื่องงาน แต่เรื่องอารมณ์แล้ว ไม่ค่อยมีเหตุผล

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะได้พบแบบไม่ทันตั้งใจ เป็นคนมีผิวขาว รูปร่างไม่สูง ไม่เตี้ย ใบหน้าสั้น อารมณ์รื่นเริงดี ติดจะดูไร้สาระไปบ้าง คนเกิดเดือนนี้อาจจะต้องแตกแยก กับคู่ก่อนจะได้แต่งอีกครั้ง ลูกคนแรกถ้าได้ลูกชาย ถือว่าเป็นมงคล

ตุลาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักมีความสามารถสร้างฐานะตัวเองได้ แต่ไม่ค่อยได้สูงดั่งหวัง เพราะไม่ทำอย่างเดียวให้ดีที่สุด ส่วนใหญ่เป็นคนชอบอยู่ท่ามกลางหมู่ผู้คน พูดจาเก่ง มัดใจคนได้ง่าย แม้จะไม่จริงใจนัก ค่อนข้างชอบเจ้าชู้โปรยเสน่ห์

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้เป็นคนสูงเพรียว ริวฝีปากเล็กบาง ถ้าขยันทำงานด้วย ก็จะสมพงษ์กันที่สุด แต่ถ้าขาดจุดนี้ก็จะอยู่กันไม่นาน และเนื้อคู่มักเป็นคนปากร้ายหรือพูดมาก ขี้หึงหวงแม้จะเจ้าชู้พอกัน คนเกิดเดือนนี้ถ้าอยู่กินกันแล้ว จะมีฐานะดีขึ้น ลูกคนแรกเป็นชายหรือหญิง ก็ถือว่า ดีทั้งนั้น

พฤศจิกายน

ผู้ที่เกิดเดือนนี้ชอบที่จะหยิบจับทุกสิ่ง เพื่อสร้างฐานะของตัวเอง ไม่คิดหวังพึ่งใครมากนัก เป็นคนชอบอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ จิตใจดี แต่ถ้าโกรธหรือมีเรื่องกับใครก็จะคิดอาฆาตไม่เลิกง่ายๆ ชะตาชีวิตจะได้ดี เพราะลำแข้งตนเอง

เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะมีผิวพรรณดี รูปร่างดี ใบหน้ามน ชอบช่วยกันทำมาหากิน รักใคร่ กันดี ทั้งยามสุขทุกข์ แม้ขัดใจกันบ้าง แต่ก็ไม่ทอดทิ้งกัน คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่เป็น คู่รักคู่กรรม ลูกคนแรกจะเป็นคนมีปากเป็นเอก

ธันวาคม

ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักเป็นคนที่ชอบคิดวางอนาคตไว้ก่อน เป็นคนใฝ่ดี พยายามหาความรู้ใส่ตัวจนรอบรู้ลึกซึ้ง เมื่อรู้ว่าตัวเองฟุ่มเฟือย ก็ควบคุมตัวเองได้ กระเป๋าจึงแตกบ้าง เต็มบ้าง มักต้องย้ายถิ่น ถึงจะก้าวหน้าขึ้น เป็นคนมีเพื่อนหลายรูปแบบ นิยมเก็บสะสมหรือแสวงหาสิ่งที่ตัวเองโปรดปราน

จะได้คู่ช้ากว่าเพื่อน เพราะจะเลือกคนที่ เหมือนภาพวาดฝันไว้ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องหน้าตา ฐานะ และนิสัยใจคอ เนื้อคู่จะมีรูปร่างสูงกำลังดี ผิวพรรณละเอียด ผ่องใส คนเกิดเดือนนี้จะมีคู่ที่พึ่งพาได้ ลูกคนแรกจะไม่ดีนักถ้าเป็นชาย

ข้อคิดจากถังน้ำสองใบ

ชาย จีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้า กับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปีที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า ‘ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน’ คนตักน้ำตอบว่า ‘เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ… เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว…เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบ นี้ได้’

คนเรา แต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และ มองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง มองโลกหลาย ๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น

หมามันโง่ !!

มีเรื่องเล่าว่า … มีพระองค์หนึ่ง ชอบทำอะไรแปลกๆ
วันหนึ่ง … พวกกรุงเทพฯ เอากฐินไปทอดที่วัด จัดงานกันใหญ่โต
มีหนัง มีลิเก มีดนตรี ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดินก่อนทอดกฐิน
ผู้คนมาร่วมกันเต็มศาลาหลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา …
บอกให้ไปเอาเนื้อจาก โรงครัวมาก้อนหนึ่ง แล้วเอาเชือกมาด้วย
หลวงพ่อจัดการ เอาเนื้อผูกติดกับหลังหมา ผูกเสร็จ ก็ปล่อยหมา
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง ก็ไล่งับ

พอหัวโดดงับ ตัวก็ขยับหนี
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง
ยิ่งโดดงับเร็ว ก้อนเนื้อ ก็หนีเร็ว โดดไม่หยุด เนื้อก็หนีไม่หยุด
น่าสงสารหมามาก
หมาโดดอยู่นาน งับเท่าไหร่ เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที
ผู้คนบนศาลาพากันหัวเราะชอบใจ
หัวเราะเยาะหมาว่า ทำไมมันถึงโง่ยังงี้
ไล่งับจะกินเนื้อ ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต
หลวงพ่อมองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว

ก็แก้เชือกออกจากหลังหมา แล้วหันมาพูดกับ ญาติโยมว่า
มนุษย์เรา … มีความรู้สึกว่า ตัวเองพร่อง ตัวเองยังไม่เต็ม
ต้องเติมตลอดเวลา เติมไม่หยุด เพื่อให้ตัวเองเต็ม
เราอยากสวย อยากทันสมัย ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุดใส่
ดีใจได้ เดือนเดียว มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว สวยกว่า ทันสมัยกว่า
อยากได้ โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่
ซื้อเสร็จ 3 เดือน รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว
ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด 2 เดือนต่อมา
มีรุ่นใหม่กว่าออกมา ของเราตกรุ่น
เราต้องก้มหน้าก้มตา ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน
หาเงินมา เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย
ซื้อเสื้อผ้าใหม่ มือถือใหม่ คอมพิวเตอร์ใหม่ รถยนต์คันใหม่
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น
ปัจจุบัน… เรา กำลังไล่งับความทันสมัย
เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน

ทั้งที่รู้ว่า ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต ก็ไม่มีทางตามทัน
น่าสงสารไหม ! โยม
คนเต็มศาลา … เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น
ด่าว่า “หมามันโง่” ตอนนี้เงียบสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่

ไม่รู้ว่า กำลังสงสารหมา หรือ กำลังทบทวน “ความโง่ตัวเอง”

อย่าตัดสินคน ด้วยขนมเพียง 1 ห่อ

ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี
จำเป็นต้องรอเวลาถึง3 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ
และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ

เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง
เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้
เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่ม
ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุง
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
เธอมองด้วยความโกรธ...!!1
แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา

ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย...กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป
เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า
'ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย'

ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น
ทั้งสองส่งสายตามองกัน...เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย
เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น
ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น....

เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า
'เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ'
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ไม่แม้แต่เหลียวหลัง กลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....
คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน

เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม
แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง
เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท
เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง...

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด...
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น...
และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง
ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย

นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี
แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า…..

'เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง? และ
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่'

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง

หลายๆคนอาจมีความเชื่อผิดๆ ว่าควรดื่มน้ำให้ได้เยอะๆในหนึ่งวัน ข้อนี้ไม่จริงค่ะ การดื่มน้ำมากเกินไปกลับให้ผลเสียมากกว่าผลดี ลองมาดูสูตรคำนวณกันว่าวันๆนึงเพื่อนๆควรดื่มน้ำกันแค่ไหน

(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวัน

(สูตรนี้ได้มาจาก Forward mail โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ^^)

ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย

น้ำ เย็นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไป การทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมนอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็จะดูดซึมของเสียพวกนี้กลับเข้าเส้นเลือดต่อไป จนกว่าจะถ่ายเป็นอุจาระออกจากร่างกายของเรา -*-

เรา ควรดื่มน้ำช่วงเวลาไหนจึงจะไม่เป็นโทษ ใครที่ชอบทานอาหารไปดื่มน้ำไป แบบที่เรียกว่า ข้าวคำน้ำคำ ข้อนี้เป็นการดื่มน้ำที่ผิดอย่างมหันต์ และที่เขาบอกว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆก็ดื่มซะรวดเดียวไปเลย ประมาณว่ามานึกได้ตอนเย็นว่าเค้าบอกให้ดื่มน้ำเยอะๆก็ ซัดซะ 4 แก้ว เพื่อให้ครบตามที่เค้าบอก นี่ก็ ผิด ผิด ผิด เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ

ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลย 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร

ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้ว
ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะ และ อย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวัน
เพราะถ้าดื่มน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว

นอกจากนี้ หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันที โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมด ฉะนั้น ถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย

สวย !!! (แล้วเหรอ)

เดี๋ยวนี้ผู้หญิงส่วนมากมักจะสวยด้วยเคมีและมีดหมอ ไม่มีใครที่จะประทินโฉมแบบผู้หญิงสมัยโบราณกันแล้ว เนื่องจากหาว่าเชย เสียเวลา ยุ่งยากและไม่รุ้จักสมุนไพรต่างๆ แต่ถ้าเทียบกันแล้วสมัยก่อนผู้หญิงที่สวยด้วยการร่ำบ่มประทินผิวจะสวยนาน สวยทนกว่าสมัยนี้มากนัก เดี๋ยวนี้สะดวกสบายมากมายในการจะทำสวย ตั้งแต่หัวจรดเท้าสวยผิดจากเดิมเป็นคนละคนได้ในเวลาไม่นานนัก

บางคนไม่มีเงินทองมากมายก็พยายามขวนขวายกู้หนี้ยืมสินเพื่อทำให้ตัวเองสวย ความสวยชนิดนี้จะอยุ่กับผู้ทำก็เพียงไม่กี่ปี เมื่อหมดเวลาก็ต้องหาเงินก้อนใหม่ไปทำอีกเพื่อคงความสวยนั้นเอาไว้ เป็นเรื่องน่าสงสารมากสำหรับคนที่เสพติดความสวยแบบนี้

สมัยก่อนผู้หญิงผิวสวยได้อย่างไร เริ่มจากการอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ ด้วยขมิ้นเพื่อรักษาผิวล้างออกแล้วลงด้วยมะขามเปียกเพื่อช่วยให้ผิวสะอาดไม่มีผดผื่นคันหรือเป็นเม็ด เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ใช้น้ำอบไทยชโลมผิว พัดให้แห้ง แล้วชโลมซ้ำ เพียงเท่านี้ก็หอมทนและหอมนาน ชนิดนั่งที่ไหนหอมติดกระดานที่นั่น แบบสาวชาววังสมัยก่อนแล้วแถมผิวพรรณสะอาดเนียน แต่เดี่ยวนี้ผู้หญิงไม่ต้องยุ่งยากแบบนั้นแล้ว แค่ใช้โลชั่น ไปสปาอบตัวนวดตัว เสียเงินมากหน่อยแต่สวยไวไม่เสียเวลา ยิ่งเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากขึ้น คนก็นิยมสวยแบบฝืนธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเลย

ถ้าได้ลองมานั่งคำนวนดูจะรุ้ว่าในแต่ละวันในแต่ละเดือนคนๆนึงจะต้องเสียเงินไปมากมายเท่าไรกับความสวยความงามที่ปราถนา ต้องขวนขวายมากมายเท่าไรเพื่อรักษาความสวยงามของตัวเองไว้ให้นานที่สุด ดูๆแล้วน่าสงสารนะชีวิตในแต่ละวันส่วนใหญ่จะหมดไปกับเรื่องนี้ ถามว่าถ้าเอาเวลาตรงนี้มาทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่านี้ ชีวิตคุณจะดีกว่าที่เป็นอยุ่นี้สักเท่าไร

ทำไมถึงอยากสวย? สวยเพื่ออะไร? เพื่อให้คนชมไปไหนใครบอกว่าสวยก็ปลื้มใจ ดีใจ ภูมิใจ สวยเพื่อจะได้มีผู้ชายเข้ามาในชีวิตมีตัวเลือกสำหรับอนาคตได้มากกว่า? หรือใช้ความสวยเพื่อหาเงินหาทองบำรุงความสุขให้ตัวเอง ความสวยเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากที่สุดในชีวิตหรือ?

หยุดคิดกันสักนิดสวยแบบไหนที่คงทนและถาวร คนเราใช่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเลวลงจากตรงนี้เพียงอย่างเดียว ต้องรุ้จักสวยทั้งภายนอกและภายใน ให้หน้าตางามปานนางฟ้าแต่ความคิดและจิตใจสกปรกก็เป็นคนที่หาคุณค่าไม่ได้ ไม่เป็นที่ต้องการของใครแน่นอน อยากสวยต้องรุ้จักสวยแบบฉลาดแล้วคุณจะเป็นคนที่สวยแบบมีคุณค่าเป็นที่ต้องตาต้องใจของ

 

Pink Girlz Blogger Template | Blogger Clicks Design